คุณเคยไหมนอนอยู่ดีๆ ก็รู้สึกขยับตัวไม่ได้แถมยังได้ยินเสียงแปลกๆอีก บางคนอาจจะโชคดี เจอเงาปริศนามายืนล้อมรอบตัวเรา จะขยับตัวก็ไม่ได้ หายใจก็ไม่ออก ทำไมมันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้ แต่อาการผีอำเกิดจากอะไรกันนะ วันนี้เรามีคำตอบ?
คนส่วนใหญ่ที่ตกอยู่ในอาการ “ผีอำ” หรือ “Sleep Paralysis” จะรู้สึกเหมือนร่างกายเป็นอัมพาตทั้งตัวแบบเฉียบพลัน รู้สึกหมดแรง ไม่สามารถขยับแขนขาได้ พูดไม่ได้ขณะที่กำลังตื่นอยู่ รวมไปถึงมีอาการหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนมีคนมาทับที่หน้าอก ซึ่งมักจะเป็นในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น บางคนอาจฝันร้าย เห็นภาพหลอน ได้ยินเสียงปริศนา แต่ละครั้งที่เป็น จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
.
เมื่อตื่นขึ้นจากอาการผีอำได้จะเกิดอาการตื่นกลัวจนตัวสั่น เหงื่อออกมาก รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งฟื้นจากความตาย แม้อาการผีอำจะเป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ แต่ในหลักวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายอาการนี้ได้ว่าเป็น ภาวะที่ร่างกายเข้าสู่ห้วงการหลับทั้งๆที่ยังตื่นอยู่ แต่จิตใต้สำนึกยังคงตื่นอยู่ ทำให้รู้สึกขยับตัวไม่ได้เหมือนคนเป็นอัมพาตนั่นเอง
.
ธรรมชาติการนอนของคนเรานั้นแบ่งเป็น 2 ช่วง สลับกันไปมา
- หลับลึก หรือหลับสนิท
เป็นการหลับที่เราไม่กรอกตา ซึ่งสมองตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้าลงทำให้ร่างกายผ่อนคลายและพักผ่อนได้เต็มที่ การนอนหลับจะวนเวียนอยู่ในสองลักษณะนี้เป็นวัฏจักรไปมา ซึ่งปกติแล้วเราจะไม่สามารถแยกความฝันกับความจริงออกจากกันได้ นั่นจึงทำให้เกิดจินตนาการซ้อนกับความจริง
.
- หลับไม่สนิท
เป็นการหลับที่เรากรอกตาไปมา เป็นภาวะที่สมองยังคงทำงานอยู่อย่างต่อเนื่องใกล้เคียงกับตอนที่เราตื่น ตอบสนองต่อสิ่งเร้า หรือที่เรียกว่ากึ่งหลับกึ่งตื่นนั่นเอง เมื่อเราฝันร่างกายจะหลั่งสารฮอร์โมนชนิดนึงขึ้นมาเพื่อยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ร่างกายเราจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย ทั้งนี้จะป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นขณะหลับฝัน โดยปกติแล้วฮอร์โมนนี้จะหยุดหลั่งเมื่อเราตื่นขึ้นมา แต่หากฮอร์โมนนี้ยังทำงานอยู่ในขณะที่เราตื่นขึ้นมา ซึ่งในลักษณะนี้มักจะเกิดภาวะผีอำได้ เมื่อเกิดอาการผีอำขึ้น คนจึงจินตนาการเป็นภาพลวงตาของภูติผีปีศาจทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีผีหรือวิญญาณอะไรเลย
.
ดังนั้นการเกิดอาการผีอำจะเกิดหลังจากการนอนหลับระยะกรอกตาไปมาซึ่งจะเป็นอยู่แค่ไม่กี่นาทีและจะค่อย ๆ หายไปเอง สาเหตุเกิดจากการอดหลับ, อดนอน, การเข้านอนผิดเวลา, ชอบนอนกอดอก, ชอบนอนไขว่ห้าง เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยทันทีโดยหลีกเลี่ยงจากสาเหตุเหล่านี้
.
แต่มีข้อแนะนำ ก็คือเมื่อเราเกิดอาการนี้ ให้เราพยายามตั้งสติ อย่าพึ่งตกใจ ให้พยายามลืมตาขึ้นมาหรือขยับกล้ามเนื้อมัดเล็ก ๆ เช่น นิ้ว เพราะถ้าเราขยับกล้ามเนื้อเหล่านั้นได้อาการอัมพาตก็จะหายไปในทันที แต่ถ้าเกิดบ่อยมากเราควรพบแพทย์เพื่อขอยาลดช่วงเวลานอนแบบกรอกตา ทำให้เรานอนหลับสนิทได้มากขึ้น แล้วอาการผีอำก็จะลดลงเอง
